ขอบเขตของงานจ้างที่ปรึกษา TOR โครงการศึกษาการจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว และการเปิดจุดผ่านแดนถาวรกับประเทศเพื่อนบ้าน
ขอบเขตของงาน▇▇▇▇▇▇▇ปรึกษา TOR โครงการศึกษาการจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว และการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้าน
1. ความเป็นมา
จากการที่รัฐบาลให้ความสําคัญกับการวางเป้าหมายการพัฒนาประเทศในระยะยาวด้วยการกําหนด ▇▇▇▇ศาสต์การพัฒนาประเทศในระยะยาวหรือที่เรียกว่า ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ชาติระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2561-2580) เพื่อ สร้างชาติให้มีความ▇▇▇▇▇▇ ▇▇▇▇▇▇▇▇ และยั่งยืน ยกระดับรายได้ของประเทศให้สูงขึ้นสู่การเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีแนวทาง▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇สําคัญ ได้แก่ ด้านความมั่นคง ด้านการสร้างความ▇▇▇▇▇▇ในการแข่งขัน ด้าน การพัฒนาและ▇▇▇▇▇▇▇▇ศักยภาพคน ซึ่งใน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ 2 การสร้างขีดความ▇▇▇▇▇▇ในการแข่งขันได้ให้ ความสําคัญกับการ▇▇▇▇▇▇▇▇การค้าการลงทุน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งการเชื่อมโยงกับ▇▇▇▇▇▇▇และ เศรษฐกิจโลก ประกอบกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 (2560-2564) และนโยบายด้าน การต่างประเทศของรัฐบาลให้ความสําคัญกับการสานต่อความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและนานาประเทศ ทั้งในระดับทวิภาคีและพหุภาคี เพื่อเร่งพัฒนาความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและระบบโลจิสติกส์ภายใน อนุ▇▇▇▇▇▇▇ลุ่มน้ําโขงและ▇▇▇▇▇▇▇อาเซียน โดยเร่งขับเคลื่อนการดําเนินงานผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ▇▇▇▇ แผนงาน GMS และกรอบความร่วมมือ ACMECS ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้ความเชื่อมโยงด้านการขนส่งและ ระบบโลจิสติกส์▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ได้อย่างเป็นรูปธรรม
ในการนี้ สํานักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) (สพพ.) ได้กําหนดแผนการดําเนินงานให้สอดคล้องกับ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇และแผนงานระดับชาติตามที่กล่าวข้างต้น โดยเน้น การสร้างความเชื่อมโยงเครือข่ายการคมนาคมและขนส่งในอนุ▇▇▇▇▇▇▇ โดยเฉพาะจากชายแดนไทยสู่ประเทศ เพื่อนบ้านที่มีพรมแดนติดกับประเทศไทย 3 ประเทศ คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา สปป.ลาว และสาธารณรัฐ แห่งสหภาพเมียนมา โดยให้มีความสอดคล้องกับ ACMECS Master Plan ในเสาที่ 1 ซึ่งกําหนดให้ไทยกับ ประเทศเพื่อนบ้าน▇▇▇▇▇▇เชื่อมโยงกันแบบไร้รอยต่อ (Seamless Connectivity)
ปัจจุบัน ประเทศไทยเชื่อมโยงกับกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศตามที่กล่าวข้างต้นในหลาย ช่องทาง ▇▇▇▇ จุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇ จุดผ่อนปรนการค้า จุดผ่อนปรนพิเศษ จุดผ่อนปรนเพื่อการ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ และ จุดผ่าน▇▇▇ชั่วคราว นอกจากนี้ ยังมีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เชื่อมโยง 2 ประเทศข้ามแม่น้ําโขงจํานวน 4 แห่ง อยู่ระหว่างดําเนินการ 1 แห่ง ซึ่งการ▇▇▇▇▇ศักยภาพในการเชื่อมโยงกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านจําเป็นต้องมี การวางกรอบการพัฒนารวมถึงศึกษาแผนกลยุทธ์การเชื่อมโยง และจัดลําดับความสําคัญของการพัฒนาโครงสร้าง พื้นฐานต่างๆ อย่างเป็นระบบ มีความเหมาะสมและสอดคล้องกับการพัฒนาเชิงพื้นที่ที่มีศักยภาพใน▇▇▇▇▇ เพื่อให้การพัฒนา▇▇▇▇▇▇ดําเนินไปในทิศทางที่ถูกต้องเหมาะสม และ▇▇▇▇▇▇สนับสนุนให้▇▇▇▇▇▇▇เชื่อมโยง ระบบคมนาคมขนส่งระหว่างกัน รวมถึงสนับสนุนให้▇▇▇▇▇▇▇ขยายตัวของ▇▇▇▇▇▇การค้าชายแดนต่อไปใน ▇▇▇▇▇ สพพ. ได้เล็งเห็นความสําคัญในเรื่องดังกล่าว จึงมี▇▇▇▇▇▇▇▇▇จะดําเนินการศึกษาการจัดลําดับ ความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว และการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศ เพื่อนบ้าน เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการประกอบการปฏิบัติงานของ สพพ. และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
รวมถึงจัดทําแผนกลยุทธ์การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นกรอบในการกําหนดทิศทางการปฏิบัติงาน ของ สพพ. ต่อไปใน▇▇▇▇▇
2. วัตถุประสงค์ของการศึกษา
2.1 เพื่อศึกษาการจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ใน▇▇▇▇▇
2.2 เพื่อศึกษาการจัดลําดับความสําคัญของการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้าน 3 ประเทศ คือ ราชอาณาจักรกัมพูชา สปป.ลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เพื่อ▇▇▇▇▇▇▇▇และสนับสนุนให้▇▇▇▇ ▇▇▇ขยายตัวด้านการค้า การลงทุนและการ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ โดยการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้าน
2.3 จัดทําแผนกลยุทธ์เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อเป็นกรอบในการกําหนดทิศทางการปฏิบัติงานของ สพพ. ด้านความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนากับประเทศเพื่อนบ้านต่อไปใน▇▇▇▇▇
3. ลักษณะของโครงการ
เป็นการศึกษาแผนกลยุทธ์การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยการศึกษาจัดลําดับความสําคัญของ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว รวม▇▇▇▇▇▇จัดลําดับความสําคัญของการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇เพื่อ สนับสนุนนโยบายการเชื่อมโยงแบบไร้รอยต่อกับประเทศเพื่อนบ้าน อันเป็นการ▇▇▇▇▇▇▇▇การพัฒนาด้าน เศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและการ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้พื้นที่ศึกษาของโครงการ ประกอบด้วย ราชอาณาจักรกัมพูชา สปป.ลาว และสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา โดยจะต้องศึกษาข้อมูล แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สังคม ความมั่นคง รวมถึง ข้อมูลด้านการค้าการลงทุนต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อนํามาพิจารณาและจัดทําแผนการพัฒนาเชิงพื้นที่เพื่อสนับสนุน การเชื่อมโยง
4. ขอบเขตการดําเนินงานของที่ปรึกษา
การดําเนินงานของที่ปรึกษาต้องตั้งอยู่บนหลัก▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ และคํานึงถึง▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ที่จะได้รับของ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในระยะยาว โดยมีขอบเขตการปฏิบัติงานดังต่อไปนี้
4.1 การรวบรวมข้อมูลและเอกสารรายงานโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ที่ปรึกษาจะต้องทําการสํารวจเพื่อเก็บรวบรวมข้อมูลและเอกสารรายงานโครงการต่างๆ ที่ เกี่ยวข้องกับโครงการนี้ ทั้งในส่วนที่เป็นนโยบายและแผน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇การพัฒนาประเทศ ตลอดจน▇▇▇▇▇▇▇ ข้อบังคับ ข้อกฎหมาย และแผน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ต่างๆ ▇▇▇▇ ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ชาติระยะ 20 ปี (2561 – 2580) แผน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ด้านการต่างประเทศ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12
4.2 การรวบรวมและการวิเคราะห์ข้อมูลด้านเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
1) รวบรวม ศึกษา และวิเคราะห์ ข้อมูลด้านเศรษฐกิจและสังคม โดยอย่างน้อยต้องครอบคลุม หัวข้อในด้านการศึกษา สาธารณสุข สถิติอุบัติเหตุ โครงสร้างพื้นฐาน กิจกรรมทางสังคม จํานวนประชากร ความ▇▇▇▇▇▇▇ของประชากร จํานวนการจดทะเบียน▇▇▇พาหนะ การ▇▇▇▇งาน รายได้ ตัวชี้วัดเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และข้อมูลอื่นๆ ในด้านเศรษฐกิจ ▇▇▇▇ การบริการ การค้า การ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ อุตสาหกรรม
การค้าชายแดน ดัชนีชี้วัดภาวะเศรษฐกิจ รวมถึงข้อมูลด้านอื่นๆ ที่สําคัญและจําเป็นต่อการสนับสนุนการ พัฒนาการค้า และการลงทุนในสาขาต่างๆ ที่ดําเนินอยู่ในปัจจุบัน และศักยภาพการพัฒนาใน▇▇▇▇▇ของพื้นที่ โครงการ
2) ศึกษา และวิเคราะห์▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ทางเศรษฐกิจในด้านการค้าและการลงทุนที่ประเทศไทย และกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านจะได้รับ โดยอย่างน้อยจะต้องครอบคลุมในเรื่องการขยายตัวของการค้าชายแดน การลงทุนในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษตามแนวชายแดน ชนิดของสินค้าที่มีศักยภาพในการส่งออกไปยังประเทศ เพื่อนบ้าน และศักยภาพในการพัฒนาของพื้นที่นั้นๆ
3) ศึกษานโยบายการพัฒนาเชิงพื้นที่ของกลุ่มประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อวิเคราะห์ถึงแนวทางและ ทิศทางการพัฒนาของประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ รวมถึงนโยบายที่เกี่ยวข้องในระดับทวิภาคี และพหุภาคี เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการศึกษา รวม▇▇▇▇▇▇ศึกษาและรวบรวมข้อมูลการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนา จากหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาต่างๆ
4) ศึกษาและรวบรวมข้อมูลด้านการอํานวยความสะดวกทางด้านการคมนาคมขนส่งและการค้า ภายใต้กรอบความร่วมมือหรือข้อตกลงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเชื่อมโยงใน▇▇▇▇▇▇▇ รวมถึงความตกลงว่าด้วย การขนส่งข้ามพรมแดนในอนุ▇▇▇▇▇▇▇ (Greater Mekong Subregion Cross Border Transport Agreement
: GMS CBTA) และข้อตกลงอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งวิเคราะห์ปัญหาและ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇เกิดขึ้น
5) ศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลด้านความมั่นคงตามแนวชายแดนและปัญหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ที่คาดว่าจะเป็นปัญหาหรืออุปสรรคต่อการพัฒนา ทั้งการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานและการกําหนดรูปแบบ จุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇เหมาะสมต่อไปใน▇▇▇▇▇ อาทิ การหลบหนีเข้าเมือง การค้ามนุษย์ เป็นต้น
4.3 การศึกษาและรวบรวมข้อมูลความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน
1) ที่ปรึกษาจะต้องดําเนินการศึกษาและรวบรวมข้อมูลของสภาพปัจจุบันและความพร้อมของ โครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ที่รองรับการเชื่อมโยงระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ ได้แก่ สะพานข้ามแม่น้ําโขง รวมถึงสะพานข้าม▇▇▇ในฝั่งเมียนมาและกัมพูชา▇▇▇▇▇▇▇มีอยู่ในปัจจุบันและเป็นแผนงานใน ▇▇▇▇▇ และโครงสร้างพื้นฐานในบริเวณจุดผ่าน▇▇▇ต่างๆ รวม▇▇▇▇▇▇ประเมินเบื้องต้นถึงผลกระทบ▇▇▇▇▇▇ เกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมและสังคมในพื้นที่
2) รวบรวมข้อมูลการให้ความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาด้านโครงสร้างพื้นฐานของไทยในประเทศ เพื่อนบ้านที่มีอยู่ทั้งหมดในปัจจุบัน และโครงการภายใต้แผนงานใน▇▇▇▇▇ ▇▇▇▇▇▇▇ ที่ปรึกษาควรมีข้อมูล▇▇ ▇▇▇▇▇▇การพิจารณา อาทิ ภาพถ่าย ภาพถ่ายทางอากาศ และแผนที่ด้าน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇
4.4 การศึกษาและประเมินศักยภาพด้านการค้า การขนส่งชายแดน และความ▇▇▇▇▇▇
▇▇▇ปรึกษาจะต้องนําผลการดําเนินการศึกษาในหัวข้อ 4.1 ถึง 4.3 มาพิจารณาประกอบการศึกษา และประเมินศักยภาพด้านการค้าชายแดนและการคมนาคมขนส่งระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน โดยอย่าง น้อยจะต้องดําเนินการวิเคราะห์ให้ทราบถึงปริมาณการค้าชายแดน และปริมาณ▇▇▇พาหนะผ่าน▇▇▇ที่คาดว่า จะเกิดขึ้นใน▇▇▇▇▇ รวมถึงปัจจัยเสี่ยงด้านความมั่นคงตามแนวชายแดน และจะต้องมีข้อมูล▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇จะ ดําเนินการจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว รวมถึงสะพานข้าม▇▇▇ในฝั่ง เมียนมาและกัมพูชา และการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้านได้ต่อไป
4.5 การศึกษารูปแบบจุดผ่าน▇▇▇
ที่ปรึกษาจะต้องศึกษา รวบรวมข้อมูลจุดผ่าน▇▇▇อื่นๆของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน โดยมี รายละเอียดดังนี้
1) รูปแบบ/ประเภท และหลักเกณฑ์การดําเนินของแต่ละรูปแบบ และแนวทางในการเปิด จุดผ่าน▇▇▇ทั้งหมดของไทย
2) รูปแบบ/ประเภท และหลักเกณฑ์การดําเนินของแต่ละรูปแบบ และแนวทางในการเปิด จุดผ่าน▇▇▇ทั้งหมดของประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งครอบคลุมถึงรูปแบบจุดผ่าน▇▇▇ของประเทศเพื่อนบ้านกับ ประเทศอื่นที่มีอาณาเขตติดต่อกัน อาทิ ▇▇▇ อินเดีย เวียดนาม กัมพูชา เป็นต้น
4.6 การจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว
ที่ปรึกษาจะต้องนําผลการศึกษาในหัวข้อ 4.4 มาพิจารณาประกอบการศึกษา เพื่อนําไปสู่ การเสนอแนะพื้นที่ที่มีศักยภาพและความเหมาะสมสําหรับการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว ใน▇▇▇▇▇ และจัดลําดับความสําคัญของการก่อสร้าง พร้อมนําเสนอเหตุผลสนับสนุนทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และ ความมั่นคง
4.7 การเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇กับประเทศเพื่อนบ้าน
นําผลการศึกษาในข้อ 4.4 และ 4.5 มาพิจารณาเพื่อเสนอแนะการกําหนดพื้นที่ที่มีศักยภาพใน การยกระดับเป็นจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇อย่าง▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ละ 4 จุด และรูปแบบจุดผ่าน▇▇▇ที่เหมาะสมของไทยกับ ประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศให้มีความสอดคล้องกัน และมีการดําเนินการด้าน C.I.Q ในรูปแบบเดียวกัน โดยจะต้องคํานึงถึงปัจจัยที่เกี่ยวข้องในทุกมิติ ▇▇▇▇ เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง
4.8 การจัดทําแผนกลยุทธ์การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
ที่ปรึกษาจะต้องนําผลการศึกษาในหัวข้อ 4.5 4.6 และ 4.7 มาจัดทําแผนกลยุทธ์ความเชื่อมโยง กับประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ โดยจะต้องมีรายละเอียดอย่างน้อย ได้แก่ รูปแบบแนวคิดของแผนงาน โครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการเปิดจุดผ่าน▇▇▇▇▇▇▇ของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน ระยะเวลาของแผนงาน และรายละเอียดอื่นๆที่จําเป็นต่อการนําไป▇▇▇▇▇▇ศึกษารายละเอียดใน▇▇▇▇▇
4.9 การจัดสัมมนาและรับฟังความคิดเห็น
เพื่อให้การดําเนินการโครงการตอบ▇▇▇▇ต่อ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇สูงสุดของไทยและประเทศเพื่อนบ้าน และเป็นไปอย่าง▇▇▇▇▇▇▇▇▇ครบถ้วน ที่ปรึกษาจะต้องจัดให้มีการสัมมนาและรับฟังความคิดเห็นจากหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและภาคเอกชนเพื่อนําไปประกอบการศึกษา โดยจะต้องดําเนินการจํานวน 3 ครั้ง ในพื้นที่ จังหวัดชายแดนที่ติดกับกัมพูชา สปป.ลาว และเมียนมา โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนาแต่ละครั้งไม่น้อยกว่า 50 คน
5. ระยะเวลาการศึกษา
การดําเนินงานตามข้อกําหนดขอบเขตของงานนี้จะต้องให้แล้วเสร็จภายใน 240 วัน นับแต่▇▇▇▇▇▇ได้รับ แจ้งให้เริ่มปฏิบัติงาน
6. การส่งมอบรายงานและเอกสาร
ที่ปรึกษาจะต้องส่งรายงานและเอกสารต่างๆ ภายในระยะเวลาที่กําหนด ดังนี้
6.1 รายงานเบื้องต้น (Inception Report)
ที่ปรึกษาต้องส่งรายงานเบื้องต้น เป็นภาษาไทย จํานวน 10 ชุด และ Digital File บันทึก ลง CD/DVD จํานวน 5 ชุด ภายใน 30 วัน นับจาก▇▇▇▇▇▇เริ่มปฏิบัติงาน โดยรายงานเบื้องต้นจะต้องประกอบด้วย แผนงาน วิธีการดําเนินงานและขั้นตอนการดําเนินงานครบทุกองค์ประกอบตามข้อกําหนดใน TOR รวมถึง ข้อมูลการให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของไทยในประเทศเพื่อนบ้านที่ มีอยู่ในปัจจุบัน และแผนงานใน▇▇▇▇▇ตามที่กําหนดในข้อ 4.3 2)
6.2 รายงานความ▇▇▇▇▇▇▇▇ (Progress Report)
ที่ปรึกษาต้องส่งรายงานความ▇▇▇▇▇▇▇▇ เป็นภาษาไทย จํานวน 10 ชุด และ Digital File บันทึก ลง CD/DVD จํานวน 5 ชุด ภายใน 90 วัน นับจาก▇▇▇▇▇▇เริ่มปฏิบัติงาน โดยรายงานความ▇▇▇▇▇▇▇▇จะต้อง ประกอบด้วย เนื้อหาสาระและรายงานผลการดําเนินงานที่แล้วเสร็จตาม TOR ข้อ 4.1 4.2 และ 4.3 และ
รายงานผลความ▇▇▇▇▇▇▇▇การดําเนินงานตาม TOR ข้อ 4.4 และ 4.5
6.3 รายงานระหว่างการศึกษา (Interim Report)
ที่ปรึกษาต้องส่งรายงานระหว่างการศึกษา เป็นภาษาไทย จํานวน 10 เล่ม และ Digital File บันทึกลง CD/DVD จํานวน 5 ชุด ภายใน 150 วัน นับจาก▇▇▇▇▇▇เริ่มปฏิบัติงาน โดยรายงานจะต้องประกอบด้วย เนื้อหาสาระและรายงานผลการดําเนินงานที่แล้วเสร็จตาม TOR ข้อ 4.4 และ 4.5 และรายงานผล ความ▇▇▇▇▇▇▇▇การดําเนินงานตาม TOR ข้อ 4.6 4.7 และ 4.8
6.4 ร่างรายงานขั้นสุดท้าย (Draft Final Report)
ที่ปรึกษาต้องจัดส่งร่างรายงานขั้นสุดท้าย เป็นภาษไทย จํานวน 10 เล่ม และ Digital File บันทึกลง CD/DVD จํานวน 5 ชุด ภายใน 210 วัน นับจาก▇▇▇▇▇▇เริ่มปฏิบัติงาน โดยรายงานจะต้องประกอบด้วย เนื้อหาสาระและรายงานผลการดําเนินงานที่แล้วเสร็จตาม TOR ข้อ 4.6 4.7 และ 4.8 รวม▇▇▇ ▇▇▇ดําเนินงานประชาสัมพันธ์และรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม TOR ข้อ 4.9
6.5 รายงานขั้นสุดท้าย (Final Report) และรายงานสรุปสําหรับผู้บริหาร (Executive Summary)
ที่ปรึกษาต้องส่งรายงานขั้นสุดท้าย เป็นภาษาไทย จํานวน 20 เล่ม รายงานสรุปสําหรับผู้บริหาร เป็นภาษาไทย จํานวน 20 เล่ม และ Digital File บันทึกลง CD/DVD จํานวน 5 ชุด ภายใน 240 วันนับจาก ▇▇▇▇▇▇เริ่มปฏิบัติงาน โดยที่ปรึกษาจะต้องจัดส่งรายงานที่ดําเนินการแล้วเสร็จทุกหัวข้อตามที่กําหนดใน TOR
ทั้งนี้ เอกสารผลงานที่เกิดขึ้นจากการศึกษาถือเป็นลิขสิทธิ์ของ สพพ. หลังสิ้นสุดโครงการ ที่ปรึกษา จะต้องส่งมอบต้นฉบับงานที่มีคุณภาพ ▇▇▇▇▇▇นําไปทําซ้ํา แก้ไข เปลี่ยนแปลง พิมพ์ หรือผลิตเพิ่มเติมได้ให้ สพพ. ทั้งหมด ในกรณีที่บริษัทที่ปรึกษามีความ▇▇▇▇▇▇▇จะนําไปใช้ต้องได้รับอนุญาตจาก สพพ. เป็นลายลักษณ์ ▇▇▇▇▇เป็นลําดับแรก
7. คุณสมบัติของที่ปรึกษา
7.1 ที่ปรึกษาต้องเป็นบริษัทหรือกลุ่มบริษัท สถาบันการศึกษา องค์กรหรือกลุ่มองค์กรที่จดทะเบียน ถูกต้องตามกฎหมายไทย และมีรายชื่อในศูนย์ข้อมูลที่ปรึกษาไทย กระทรวงการคลัง โดยจะต้องแสดง หลักฐานการจดทะเบียนพาณิชย์ ซึ่งกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ออกให้ หรือรับรองไม่เกิน 6 เดือน นับจนถึงวันยื่นเสนอราคา และไม่เป็นผู้อยู่ในรายชื่อผู้ทิ้งงานของทางราชการ
7.2 ที่ปรึกษาต้องไม่เป็นผู้ที่ถูกระบุชื่อว่าเป็น▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇แสดงบัญชีรายรับรายจ่าย หรือแสดงบัญชี รายรับรายจ่ายไม่ถูกต้องครบถ้วนในสาระสําคัญตามประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทําและแสดงบัญชีรายการรับจ่ายของโครงการที่บุคคลหรือนิติบุคคล เป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2554 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555
7.3 ที่ปรึกษา▇▇▇▇▇▇รับการคัดเลือก และหากมีการทําสัญญาซึ่งมี▇▇▇▇▇▇ตั้งแต่ 500,000 บาทขึ้นไปกับ สพพ. ให้รับและจ่ายเงินผ่านบัญชีธนาคาร เว้นแต่การจ่ายเงินแต่ละครั้งซึ่งมี▇▇▇▇▇▇ไม่เกิน 30,000 บาท ▇▇▇▇▇▇จ่ายเงินเป็นเงินสดได้ และให้จัดทําบัญชีแสดงรายรับรายจ่ายยื่นต่อกรมสรรพากร และปฏิบัติตาม ประกาศคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการจัดทําและแสดง บัญชีรายการรับจ่ายของโครงการที่บุคคลหรือนิติบุคคลเป็นคู่สัญญากับหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2554 แก้ไข เพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2554 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2555
7.4 ที่ปรึกษาต้องไม่เป็นผู้ได้รับ▇▇▇▇▇▇▇▇▇หรือความคุ้มกันซึ่งอาจปฏิเสธไม่ยอมขึ้นศาลไทย เว้นแต่ รัฐบาลของผู้ยื่นข้อเสนอได้มีคําสั่งให้สละสิทธิ์และความ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ว่านั้น
8. บุคลากรหลัก
ที่ปรึกษาต้องมีบุคลากรหลักที่มีคุณสมบัติ ความรู้ความ▇▇▇▇▇▇เหมาะสมกับตําแหน่งหน้าที่มี ความชํานาญเกี่ยวกับงานวิชาชีพ และประสบการณ์ในพื้นที่ ตลอดจนการสื่อสารเป็นอย่างดี และอย่างน้อย ที่ปรึกษาจะต้องนําเสนอบุคลากรหลักในตําแหน่งต่างๆ ที่มีคุณวุฒิ และประสบการณ์ ดังนี้
ลําดับที่ | ตําแหน่ง | คุณวุฒิไม่ ต่ํากว่า | กลุ่มวิชาชีพ | ประสบการณ์ ไม่น้อยกว่า |
1 | ผู้จัดการโครงการ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇/ วิจัย | 15 ปี |
2 | ผู้เชี่ยวชาญด้านวางแผนการขนส่ง/▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇/ วิจัย | 10 ปี |
3 | ผู้▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | 10 ปี |
4 | ผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจและสังคม | ▇▇▇▇▇▇โท | วิจัย | 10 ปี |
5 | ผู้เชี่ยวชาญ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇โท | วิจัย | 10 ปี |
6 | ผู้▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | กฎหมาย/วิจัย | 10 ปี |
ลําดับที่ | ตําแหน่ง | คุณวุฒิไม่ ต่ํากว่า | กลุ่มวิชาชีพ | ประสบการณ์ ไม่น้อยกว่า |
7 | ผู้เชี่ยวชาญด้านแผนงาน | ▇▇▇▇▇▇โท | วิจัย | 10 ปี |
8 | ผู้▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ | ▇▇▇▇▇▇▇▇ | วิจัย | 10 ปี |
ที่ปรึกษาต้องมีบุคลากรสนับสนุน (Supporting Staff) อย่างเพียงพอเพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่าง ▇▇▇▇▇▇▇และ▇▇▇▇▇▇ดําเนินการให้บริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จํานวนคน - เดือน (Man-Month) ของ บุคลากรหลักต้องเป็นคนไทยไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 นอกจากนี้ ที่ปรึกษาต้องจัดเตรียมสํานักงานและอุปกรณ์ของ ที่ปรึกษาและรับผิดชอบต่องานทุกด้าน ตลอดจนการเสนอแผนบุคลากรและแผนการดําเนินงานที่ทําให้แน่ใจได้ว่า มีประสิทธิภาพและเกิด▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ต่อ สพพ. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
9. งบประมาณ
วงเงินงบประมาณในการศึกษาประมาณไม่เกิน 6.5 ล้านบาท
10. หน่วยงานรับผิดชอบ
สํานักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
11. หน้าที่ของสํานักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน)
11.1 สพพ.จะแต่งตั้งคณะผู้▇▇▇▇▇▇งานโครงการ (Counterparts) และมอบอํานาจความรับผิดชอบ ให้แก่คณะผู้▇▇▇▇▇▇งานโครงการนี้ในนามของ สพพ. เพื่อ▇▇▇▇▇▇งานและให้การสนับสนุนงานในด้านต่างๆ แก่ที่ปรึกษาตลอดช่วงเวลาดําเนินการ
11.2 สพพ. จะให้ความร่วมมือกับที่ปรึกษาและให้ความช่วยเหลือตาม▇▇▇▇▇ เพื่อให้การปฏิบัติงาน ของที่ปรึกษาดําเนินไปได้ด้วยความเรียบร้อย ถูกต้อง และสะดวกรวดเร็ว
11.3 สพพ. จะช่วย▇▇▇▇▇▇กับหน่วยงานราชการของไทย และประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ เพื่อให้ที่ปรึกษาได้ขอข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนจะจัดหาข้อมูลและเอกสารต่างๆ เท่าที่มีอยู่ ในความครอบครองของ สพพ. ซึ่งเกี่ยวข้องและจําเป็นสําหรับโครงการ▇▇▇▇▇▇▇▇นี้ เพื่อการใช้ประโยชน์ ในการปฏิบัติงานของที่ปรึกษา
11.4 ภายใต้ขอบเขตอํานาจและ▇▇▇▇▇ของ สพพ. จะช่วย▇▇▇▇▇▇กับหน่วยงานราชการของไทย และประเทศเพื่อนบ้านทั้ง 3 ประเทศ ในการให้ความสะดวกแก่ที่ปรึกษาและเจ้าหน้าที่ของที่ปรึกษาใน การเข้าไปในพื้นที่ศึกษา รวมทั้งในส่วนที่เป็นทรัพย์สินสาธารณะและของเอกชนเท่าที่จําเป็น เพื่อให้ที่ปรึกษา ▇▇▇▇▇▇ปฏิบัติงานภาคสนามได้อย่างสะดวกและมีประสิทธิภาพ
12. การจ่ายเงิน
การจ่ายเงินจะแบ่งเป็น 5 งวด ดังนี้
12.1 งวดที่ 1 จ่ายเงินร้อยละ 15 ของจํานวนเงิน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ หลังจากผู้รับจ้างจัดส่งรายงาน เบื้องต้น (Inception Report) ตามข้อกําหนดส่งมอบงานในข้อ 6.1 และได้ผ่านการตรวจรับแล้ว
12.2 งวดที่ 2 จ่ายเงินร้อยละ 15 ของจํานวนเงิน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ หลังจากผู้รับจ้างจัดส่งรายงาน ความ▇▇▇▇▇▇▇▇ (Progress Report) ตามขอบเขตงานที่กําหนดในข้อ 6.2 และได้ผ่านการตรวจรับแล้ว
12.3 งวดที่ 3 จ่ายเงินร้อยละ 20 ของจํานวนเงิน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ หลังจากผู้รับจ้างจัดส่งรายงาน ระหว่างการศึกษา (Interim Report) ตามขอบเขตของการศึกษาที่กําหนดในข้อ 6.3 และได้ผ่านการตรวจรับแล้ว
12.4 งวดที่ 4 จ่ายเงินร้อยละ 20 ของจํานวนเงิน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ หลังจากผู้รับจ้างจัดส่งร่างรายงาน ขั้นสุดท้าย (Draft Final Report) ตามขอบเขตของการศึกษาที่กําหนดในข้อ 6.4 และได้ผ่านการตรวจรับแล้ว พร้อม▇▇▇▇▇▇▇จัดการประชาสัมพันธ์และรับฟังความเห็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามขอบเขตของการศึกษาที่ กําหนดในข้อ 4.8 แล้ว
12.5 งวดที่ 5 จ่ายเงินร้อยละ 30 ของจํานวนเงิน▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ หลังจากผู้รับจ้างได้จัดส่งรายงาน ขั้นสุดท้าย (Final Report) และรายงานสรุปผลสําหรับผู้บริหาร (Executive Summary) ตามขอบเขตของ การศึกษาที่กําหนดในข้อ 6.5 ▇▇▇▇▇▇ผ่านการตรวจรับแล้ว
13. ความรับผิดชอบของที่ปรึกษา
13.1 ที่ปรึกษาจะต้องปฏิบัติหน้าที่ของตนให้เป็นไปตามข้อกําหนดของโครงการ และ▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇▇ ให้▇▇▇▇▇ตามวัตถุประสงค์ของโครงการ โดยจะต้องใช้ความรู้ ความชํานาญทางเทคนิควิทยาการอย่างดี ที่สุด ตามมาตรฐานที่ยอมรับกันทางมาตรฐานวิชาชีพนานาชาติ ตลอดระยะเวลาดําเนินโครงการ และที่ปรึกษา จะต้องปฏิบัติงานด้วยความชํานาญเอาใจใส่ บรรยายเนื้อหาให้ชัดเจน ต่อเนื่อง กระชับ และสอดคล้องกันในทุกบท
13.2 ที่ปรึกษาจะต้องเข้ามาประชุมและนําเสนอผลการศึกษาตามรายงาน▇▇▇▇▇▇จัดส่งให้ สพพ. และ คณะกรรมการกํากับการศึกษา เพื่อพิจารณาผลการศึกษาให้เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องและให้ข้อเสนอแนะที่ เป็นประโยชน์ในการปรับปรุงผลการศึกษาให้มีความ▇▇▇▇▇▇▇
13.3 เมื่อความจําเป็นเกิดขึ้นหลังจากสิ้นสุดอายุสัญญาการ▇▇▇▇▇▇▇แล้ว ที่ปรึกษาต้องพร้อมช่วยบริการ ให้คําปรึกษาแก่ สพพ. ที่เกี่ยวกับการประเมินผลโครงการและศักยภาพของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในบริเวณพื้นที่ โครงการและใกล้เคียง ที่ปรึกษาจะดําเนินการให้เป็นอย่างดีโดย▇▇▇▇▇▇▇▇▇ และมีประสิทธิภาพสูงสุด โดย▇▇▇▇▇▇ ▇▇▇ใช้จ่ายเพิ่มเติมต่อ สพพ.
13.4 ที่ปรึกษามีเวลาดําเนินงานตามโครงการนี้ 240 วัน นับตั้งแต่นับตั้งแต่วันแจ้งให้เริ่มปฏิบัติงาน ที่ปรึกษาจะต้องจัดเตรียมแผนการดําเนินงานต่างๆ ภายในกําหนดเวลาและเร่งรัดปฏิบัติงานให้เป็นไปตามแผน ความล่าช้าใดๆ ที่เกิดขึ้นในส่วนของที่ปรึกษา จนเป็นเหตุให้ที่ปรึกษาไม่▇▇▇▇▇▇ส่งมอบงานภายในกําหนดเวลา จะมีผลโดยตรงต่อการพิจารณาคุณสมบัติของที่ปรึกษาสําหรับงานโครงการอื่นๆ ที่จะมีขึ้นใน▇▇▇▇▇
13.5 ที่ปรึกษาจะต้องส่งมอบรายงานเอกสาร และข้อมูลต่างๆ ▇▇▇▇▇▇จากการปฏิบัติงานทั้งหมด
รวมทั้งวีดีโอ ภาพถ่าย และข้อมูลต่างๆ สําหรับโครงการนี้ให้ สพพ. ในรูปแบบของแผ่นบันทึกข้อมูล (CD- ROM) เมื่อโครงการดําเนินการแล้วเสร็จ
14. ▇▇▇▇▇▇▇ ▇▇ธีการ▇▇▇▇▇▇▇ และหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือก
14.1 ดําเนินการจัด▇▇▇▇▇▇▇ปรึกษาโดยวิธีคัดเลือก ตามพระราชบัญญัติการจัดซื้อ▇▇▇▇▇▇▇และการบริหารพัสดุ ภาครัฐ พ.ศ. 2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560
14.2 ให้ดําเนินการจ้างตามระเบียบในข้อ 14.1 และพิจารณาคัดเลือกที่ปรึกษาตามเกณฑ์ข้อ 120 (6) (ก) “กรณีงานจ้างที่ปรึกษาที่เป็นไปตามมาตรฐานของหน่วยงานของรัฐหรืองานที่ซับซ้อนให้คัดเลือกจากรายที่ได้ คะแนนรวมด้านคุณภาพและด้านราคามากที่สุด” เนื่องจากการดําเนินโครงการการจัดลําดับความสําคัญของ การก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย - ลาว และการเปิดจุดผ่านแดนถาวรกับประเทศเพื่อนบ้านมีความซับซ้อน โดยต้องดําเนินการศึกษาในหลายมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และความมั่นคง รวมทั้งต้องนําเสนอ แผนกลยุทธ์การเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านผ่านการก่อสร้างสะพานมิตรภาพไทย – ลาว และการเปิดจุด ผ่านแดนถาวรในอนาคต เพื่อใช้เป็นข้อมูลเชิงวิชาการสนับสนุนการดําเนินงานให้กับหน่วยงานภาครัฐ ที่เกี่ยวข้องต่อไปในอนาคต
14.3 หลักเกณฑ์ในการพิจารณาคัดเลือก
14.3.1 พิจารณาข้อเสนอของที่ปรึกษา โดยแบ่งเป็นคะแนนด้านคุณภาพและด้านราคา ดังนี้
(1) ด้านคุณภาพ ร้อยละ 80
(2) ด้านราคา ร้อยละ 20
14.3.2 การพิจารณาหลักเกณฑ์ด้านคุณภาพ จะพิจารณาในแต่ละด้าน ดังนี้
(1) ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา ร้อยละ 20
(2) วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน ร้อยละ 40
(3) บุคลากรที่ร่วมงาน ร้อยละ 40
ทั้งนี้ ผู้ที่ผ่านการพิจารณาทางด้านคุณภาพจะต้องมีคะแนนรวมในการประเมินข้อเสนอทางด้าน คุณภาพอย่างน้อยร้อยละ 70
14.4 หลักเกณฑ์การประเมินข้อเสนอทางด้านคุณภาพ แบ่งการพิจารณาออกเป็น 3 หัวข้อหลัก และ
มีรายละเอียดการให้คะแนนในแต่ละหัวข้อ ดังนี้
14.4.1 ด้านผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษา: ผลงานและประสบการณ์ของที่ปรึกษาทั้งใน และต่างประเทศ (20 คะแนน)
1) โครงการที่ดําเนินการภายในประเทศ ในระยะเวลา 10 ปีย้อนหลัง (ไม่เกิน 15 คะแนน)
2) โครงการที่มีพื้นที่ดําเนินงานในประเทศเพื่อนบ้าน ในระยะเวลา 10 ปีย้อนหลัง (ไม่เกิน
5 คะแนน)
14.4.2 ด้านวิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน: วิธีการบริหารและวิธีการปฏิบัติงาน (40 คะแนน)
แบ่งการพิจารณาออกเป็นส่วนสําคัญ 3 ส่วน คือ
1) ความเข้าใจในวัตถุประสงค์และขอบเขตของงาน (10 คะแนน)
2) วิธีการปฏิบัติงาน (20 คะแนน)
- หลักการวิเคราะห์และแนวคิด 10 คะแนน
(พิจารณาทั้งในช่วงก่อนดําเนินโครงการ ระหว่างดําเนินโครงการ และ หลังดําเนินโครงการ)
- ความชัดเจนในขั้นตอนและแนวทางการปฏิบัติงาน 5 คะแนน
- การคาดการณ์ถึงปัญหา และข้อเสนอแนะการแก้ไขปัญหาเบื้องต้น 5 คะแนน
3) ความชัดเจนและเหมาะสมของแผนการดําเนินงานและแผนงานบุคลากร (10 คะแนน)
14.4.3 ด้านความเหมาะสมของบุคลากรที่ร่วมงาน: คุณสมบัติและประสบการณ์ของบุคลากรหลัก (40 คะแนน) พิจารณาจากตําแหน่งต่างๆ โดยแบ่งการพิจารณาออกเป็นส่วนสําคัญ 4 ส่วน คือ
- อายุ
- คุณวุฒิ
- ประสบการณ์งานทั่วไป
- ประสบการณ์งานตามตําแหน่ง
15. ข้อสงวนสิทธิ์
15.1 ที่ปรึกษาที่ผ่านการคัดเลือก ต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การจ้างที่ปรึกษาของ สพพ. ทั้งนี้ ผลการพิจารณาและคําตัดสินของคณะกรรมการฯ ถือเป็นที่สิ้นสุด และขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหาย และค่าใช้จ่ายใดๆ ที่เกิดขึ้นจากการยื่นข้อเสนอทางด้านเทคนิคและข้อเสนอทางด้านราคาของที่ปรึกษา
15.2 รายงานผลการศึกษานี้ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ สพพ. ซึ่งหน่วยงานราชการสามารถนําไปใช้ใน การเผยแพร่ข้อมูลต่อไปในอนาคตได้ ทั้งนี้ สพพ. ขอสงวนสิทธิ์ในการกําหนดชั้นความลับสําหรับข้อมูลบางส่วน เพื่อประโยชน์ด้านความมั่นคง รวมถึงแนวทางในการกําหนดนโยบายกับประเทศเพื่อนบ้านของไทย ดังนั้น สพพ. ขอสงวนสิทธิ์ในการเรียกร้องค่าเสียหาย หากพบว่ามีการนําข้อมูลในชั้นความลับไปเผยแพร่ต่อสาธารณะ