งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง ข้อกำหนดตัวอย่าง

งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. รศ.ดร.ฉัตรนภา พรหมมา (2560: บทคัดย่อ) การพัฒนาระบบบริหารงานวิจัยและพันธ กิจสัมพันธ์มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์กับสังคม พบว่า จุดเปลี่ยนสําคัญ ปี 2540 – 2550 คือ มหาวิทยาลัยได้ทุนวิจัยเชิงกลยุทธ์เพื่อประเมินสถานภาพองค์ความรู้และพัฒนาชุดโจทย์วิจัยที่สนอง ต่อเป้าหมายวิสัยทัศน์การพัฒนาพื้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์จาก สกว. ทําให้เกิดการพัฒนาระบบบริหาร จัดการงานวิจัยและเครือข่ายระหว่างมหาวิทยาลัยกับภาคีทุกภาคส่วนอย่างต่อเนื่อง ปี 2551- 2554 มหาวิทยาลัยได้รับการสนับสนุนจาก สสส.ในการพัฒนาชุมชนท้องถิ่นน่าอยู่ร่วมกับภาคีเครือข่าย มี การออกแบบการทํางานเพื่อสร้างกลไกเชิงระบบที่เชื่อมงานประกันคุณภาพองค์กรกับการพัฒนาพื้นที่ โดยกระบวนการจัดการความรู้อย่างมีส่วนร่วม เป็นการลดช่องว่างที่เคยมีและได้เชื่อมต่อสิ่งดีจาก ประสบการณ์คนรุ่นเก่า สานพลังทุกคณะร่วมกับองค์กรภาคี โดยมีการพัฒนากระบวนการคิด วิธี ทํางานของม👉าวิทยาลัยกับองค์กรภาคีส่งผลให้เกิดการสานพลังทํางานสู่เป้าหมายร่วมกันทั้งระดับ ตําบลและจังหวัด มหาวิทยาลัยได้พัฒนานวัตกรรมการบริหารจัดการแบบบูรณาการเพื่อพัฒนาพื้นที่ โดยความร่วมมือขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นและองค์กรภาคีอย่างเป็นระบบ เชื่อมโยง👉น่วย จัดการงานวิจัยของทุกคณะ (RMU) กับงานพัฒนาตําบลซึ่งมี👉น่วยจัดการความรู้และวิจัยชุมชนของ ตําบล (TRMU) ทํา👉น้าที่เชื่อมสถานการณ์ปัญ👉าจากพื้นที่เพื่อการวิจัยและปฏิบัติพันธกิจแบบบูรณา การอย่างมีส่วนร่วมโดยมีองค์ประกอบหลักของรูปแบบการบริหารจัดการที่เรียกว่า อุตรดิตถ์โมเดล หรือ RICN Model ได้แก่ 1) การสร้างองค์ความรู้และการจัดการความรู้ควบคู่กับการทํางาน (Research : R) 2) การบูรณาการพันธกิจและศาสตร์ทุกสาขากับปัญหาในพื้นที่ (Integration : I) 3) การสื่อสารโดยฐานข้อมูลที่ทันต่อความเปลี่ยนแปลงเพื่อใช้ประโยชน์ (Communication : C) และ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. วิลาวัลย์ ไชยมงคล และคณะ (2556) ได้ทําการวิจัยเรื่อง รูปแบบการจัดการศึกษาที่เหมาะสม เพื่อ ส่งเสริมการเรียนรู้สําหรับกลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่อําเภอภูซาง จังหวัดพะเยา มีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษารูปแบบการจัด การศึกษาที่เหมาะสมให้แก่กลุ่มชาติพันธุ์ในพื้นที่อําเภอภูซางสามารถอ่านออก เขียนได้ เพื่อพัฒนากระบวนการ เรียนรู้ของผู้ไม่รู้หนังสือในพื้นที่อําเภอภูซางให้ได้รับการศึกษาได้อย่างสอดคล้องและเหมาะสมตามศักยภาพและ ความต้องการของผู้เรียน และเพื่อพัฒนากระบวนการสอนของครู กศน.ให้สอดคล้องและเหมาะสมกับกับกลุ่มชาติ พันธุ์ในพื้นที่อําเภอภูซาง ประชากรที่ใช้ในการวิจัย คือ กลุ่มชาติพันธุ์ ในพื้นที่ บ้านฮวก หมู่ที่ 3 และ 12 และบ้าน ห้วยส้านหมู่ที่ 4 ตําบลภูซาง จํานวน 20 คน (กลุ่มชาติพันธุ์ที่มีสัญชาติลาว และสัญชาติไทยเชื้อสายม้ง) เครื่องมือ ที่ใช้ในการวิจัย คือ เครื่องมือที่ใช้ในการจัดเรียนการสอน ได้แก่ แบบเรียน แบบทดสอบ ใบงาน ใบความรู้ CD อาเซียน แผ่นพับ และเครื่องมือที่ใช้ในการจัดเก็บข้อมูลร่วมกับชุมชน แผนที่ชุมชน ปฎิทินฤดูกาล timeline ปฏิทินอาชีพ สังเกต สัมภาษณ์ ถ่ายรูป เป็นต้น ผลการวิจัย ข้อค้นพบ กระบวนการของการจัดการเรียนการสอน 6 ขั้นตอน คือ 1) ค้นหาปัญหาผ่านเวทีประชาคมหมู่บ้านต่อแนวทางการจัดการเรียนการสอนกลุ่มชาติพันธุ์ที่ เหมาะสม 2) นําปัญหาที่ได้มาวางแผนร่วมกันในคณะทํางาน จัดทําข้อมูลและแบ่งประเภทของข้อมูลที่สอดคล้อง กับความต้องการของผู้เรียน 3) สํารวจข้อมูลเพิ่มเติมจากกลุ่มผู้เรียน เช่นประวัติส่วนตัว และการศึกษาภูมิเดิม เพื่อ แบ่งกลุ่มผู้เรียนตามระดับความรู้ที่เหมาะสม 4)กําหนดแผนการสอน แบ่งหน้าที่ครูผู้รับผิดชอบในการจัดการเรียน การสอนแต่ละเนื้อหาและกําหนดเป็นตารางสอน 5)ลงมือปฏิบัติการสอนตามตารางที่กําหนด 6) กําหนดตัวชี้วัด และประเมินผลตัวผู้เรียน ชยันต์ วรรธนะภูติและคณะ(online) ได้ทําการวิจัยเรื่องPromoting Human Rights for Highland Minorities through Citizenship and Birth Registration พบว่า กลุ่มชาติพันธุ์โดยส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รับสัญชาติ ไทยมักอ่านเขียนไม่ได้ ขาดโอกาสการเข้าถึง ข้อมูล และความรู้ที่เพียงพอเกี่ยวกับกฎระเบียบ กระบวนการต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับการพิสูจน์สัญชาติ รวมทั้งต้องเสีย ค่าใช้จ่ายการเดินทางที่สูงมาก ดังกรณีหมู่บ้านห้วยพลู ต้องเหมารถ รับจ้างเพื่อเดินทางมาติดต่อกับอําเภอทั้งที่ไม่มีรายได้ ซึ่งกว่าจะได้รับสัญชาติไทยต้องเดินทางเข้าออก หมู่บ้าน หลายครั้ง จึงทําให้ชาวกะเหรี่ยงบางคนท้อใจและล้มเลิกการขอสัญชาติไทยทั้งที่ตนเองมีสิทธิ์ ความสําเร็จและ ความรวดเร็วในการพิสูจน์สัญชาติจําเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานภายนอก เข้ามา เช่น กรณีบ้านห้วยพลู ต.แม่ตื่น หรือ กรณี บ้านชิบาโบที่ผู้ใหญ่บ้าน ช่วยติดตาม นอกจากนี้ยังพบว่ากระบวนการ พิสูจน์สัญชาติมีขั้นตอนและต้องใช้ เวลานาน มากกว่านั้นคือ เจ้าหน้าที่ระดับอําเภอยังมีอคติว่า กลุ่มชาติพันธุ์เหล่านี้ ค้ายาเสพติด ตัดไม้ทําลายป่า นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ฯ ยังเกรงว่าตนเองจะได้รับความผิดหากการตรวจสอบไม่ละเอียด และอนุมัติสัญชาติให้กับ บุคคล”สวมสิทธิ”แม้ว่าได้ผ่านการประชาคมแล้วก็ตาม รสาพร หม้อศรีใจ (2558) ได้ทําการวิจัยเรื่อง การศึกษาแนวทางส่งเสริมการรู้หนังสือของสถานศึกษา กศน. ในเขตภาคเหนือ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาสภาพ ปัญหา ความต้องการการส่งเสริมการรู้หนังสือของ สถานศึกษา กศน. และ2) ศึกษาแนวทางส่งเสริมการรู้หนังสือของสถานศึกษา กศน. อําเภอที่เหมาะสมกับ กลุ่มเป้าหมายกลุ่มตัวอย่างในการศึกษาครั้งนี้ คือผู้บริหาร กศน.อําเภอ ครูผู้สอน และผู้เรียน/ผู้รับบริการ ของ สถานศึกษาที่เป็นพื้นที่การวิจัยได้แก่ 1) กลุ่มศูนย์หล่ายดอย กศน.อําเภอเกาะคา จังหวัดลําปาง 2) กลุ่มศูนย์อิง ดอย อําเภอลอง จังหวัดแพร่3...
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. พรอนงค์ อร่ามวิทย์ และสุรเวช น้ําหอม (2557) ศึกษาประสิทธิภาพและความปลอดภัยของ ถุงเท้าที่มีสารละลายยูเรียเป็นองค์ประกอบในการลอกเซลล์ผิวเท้าที่ตายแล้วในผู้ป่วยเบาหวาน เป็น การศึกษาเชิงทดลองทางคลินิกแบบกึ่งทดลองโดยการสวมถุงเท้าที่มีสารละลายยูเรียในปริมาตรข้าง ละ 20 มิลลิลิตร ที่เท้าทั้ง 2 ข้าง นาน 2 ชั่วโมง ระหว่างสัปดาห์ เซลล์ผิวหนังที่เท้าที่ตายแล้วจะค่อยๆ ลอกออก เมื่อครบกําหนด 1 สัปดาห์ แพทย์จะประเมินสภาพผิวหนังที่เท้าของผู้ป่วยและกรอก แบบสอบถามความพึงพอใจ ผลการศึกษาในอาสาสมัคร 18 ราย ที่ผ่านเกณฑ์คัดเข้าและร่วม การศึกษา แต่มีอาสาสมัคร 1 รายขอออกจากการศึกษาหลังใช้ผลิตภัณฑ์เนื่องจากพบความผิดปกติ หลังการใช้โดยมีอาการบวมของผิวหนัง แต่ผิวที่ตายแล้วไม่ลอกออกโดยเกิดหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์แล้ว นาน 2 สัปดาห์ ตําแหน่งที่เกิดผิวหนังหนา รวมถึงคะแนนความรุนแรงของความหนาฝ่าเท้าที่ตายแล้ว ลดลงจาก 1.61±0.58 และ 2.46±2.37 เป็น 1.09±0.85 และ 1.77±2.13 (P=0.036 และ p=0.000 ตามลําดับ) หลังใช้ผลิตภัณฑ์เปรียบเทียบกับสภาพผิวหนังก่อนใช้ โดยมีอาสาสมัครจํานวน 10 ราย (ร้อยละ 58.82) ที่จําเป็นต้องได้รับการรักษาเพิ่มเติม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความหนาของผิวหนังฝ่าเท้ามาก ตั้งแต่ก่อนเริ่มเข้าการศึกษาทั้งสิ้น โดยที่ผู้ป่วยที่เหลือไม่จําเป็นต้องได้รับการขูดผิวหนังเพิ่มเติม ส่วน อาการข้างเคียงที่พบเป็นอาการข้างเคียงเล็กน้อยที่สามารถพบได้ทั่วไปและไม่เป็นอันตราย จากการ ติดตามผลการใช้ในระยะสั้นพบว่าถุงเท้าที่มีสารละลายยูเรียเป็นองค์ประกอบมีความปลอดภัยสูง สามารถใช้เป็นทางเลือกหนึ่งของผู้ป่วยเบาหวานแทนการขูดลอกผิวหนัง มีประสิทธิภาพดีในผู้ป่วยที่มี ความหนาของผิวหนังที่เท้าค่อนข้างน้อย แต่ในผู้ป่วยที่ผิวหนังหนามากอาจจําเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์นี้ เพื่อลอกเซลล์ผิวที่ตายแล้วมากกว่า 1 ครั้ง หรือใช้กระบวนการรักษาอื่นควบคู่ด้วย วีณา ศรีสําราญ (2557) ศึกษาเรื่องนวัตกรรมรองเท้าที่ส่งเสริมการหายของแผลเบาหวานที่ เท้า เป็นการวิจัยและพัฒนา ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนานวัตกรรมรองเท้าเพื่อป้องกันแผลเรื้อรังใน ผู้ป่วยเบาหวานที่มีแผลที่เท้า การพัฒนารองเท้าเป็นไปตาม 13 ขั้นตอนของการพัฒนานวัตกรรม ทางการพยาบาล กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ป่วยโรคเบาหวานโรงพยาลระดับตติยภูมิแห่งหนึ่ง เก็บรวบรวม ข้อมูลระหว่างเดือนธันวาคม 2556 ถึง มีนาคม 2557 โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ป่วยจํานวน 5 ราย ซึ่งมีประสบการณ์การใช้รองเท้าที่ถูกดัดแปลงและพัฒนาครั้งแรก โดยผู้วิจัยพบว่ารองเท้าช่วยให้แผล หายเร็วขึ้นโดยการปกป้องแรงกดทับที่แผลในขณะที่เดิน จากนั้นได้นําบทเรียนที่เรียนรู้จากผู้ป่วยและ หลักฐานจากวารสารที่เผยแพร่ นํามาวิเคราะห์และสังเคราะห์ข้อความรู้เพื่อใช้ในการสร้างนวัตกรรม รองเท้า จากนั้นได้นํานวัตกรรมรองเท้านั้นมาใช้กับผู้ป่วยอีก 5 ราย ซึ่งไม่เคยใช้รองเท้ามาก่อน เก็บ รวบรวมข้อมูลเพิ่มเติมจากผู้ป่วยใหม่เหล่านี้เพื่อประเมินแผล ความคิดเห็นและความพึงพอใจที่มีต่อ นวัตกรรมรองเท้า ผลการศึกษาพบว่า ผู้ป่วยมีความคิดเห็นต่อนวัตกรรมรองเท้าว่าสวมใส่สบาย มี ความนุ่ม มีการระบายอากาศที่ดีและเดินได้มั่นคง แผลดีขึ้นเมื่อสวมใส่รองเท้าที่เป็นนวัตกรรมโดยการ เจาะรูบนพื้นรองเท้ารอบบริเวณที่มีแผล ทําให้ผู้ป่วยสามารถเดินได้โดยไม่มีแรงกดที่แผล แผลจึงหาย ภายใน 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ความพึงพอใจของผู้ป่วยที่มีต่อรองเท้าอยู่ที่ระดับสูงที่สุด (X=4.84, S.D.±0.357) สมจิตร์ ตั้งเสริมวงศ์ (2555) พัฒนาระบบสารสนเทศ อุปกรณ์ เครื่องมือแพทย์ ห้องผ่าตัด โรงพยาบาลบํารุงราษฎร์ อินเตอร์เนชั่นแนบ มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบและพัฒนาระบบสารสนเทศ และอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ในห้องผ่าตัด เพื่อทําระบบที่ได้มาใช้ในการบริหาร จัดกา...
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. 2.1 แนวคิดการท่องเที่ยวโดยชุมชน การท่องเที่ยวโดยชุมชน : "Community-based Tourism : CBT" กระบวนการเรียนรู้ของ CBT : มีองค์ประกอบที่สำคัญคือ - การจัดการ เป็นเรื่องที่ไม่ง่ายนักที่จะทำอะไร เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด เกิดความยั่งยืน สมดุลใน กลุ่มคนหมู่มาก ดังนั้นชุมชนที่จะสามารถบริหารจัดการ การท่องเที่ยวโดยชุมชน : " Community-based Tourism : CBT" ได้ต้องเป็นชุมชนที่มีผู้นำที่เป็นที่ยอมรับ มีความคิด มีวิสัยทัศน์ ความเข้าใจเรื่องการ ท่องเที่ยวโดยชุมชน ทั้งยังต้องได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานทั้งภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ต้องมีการพูดคุยกำหนด แนวทางในการเตรียมความพร้อมชุมชนรู้ว่าพื้นที่ของตนจะมีรูปแบบการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนได้อย่างไร ควรมี กิจกรรมอะไรบ้าง และจะมีการกระจาย จัดสรรรายได้อย่างไร ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมานั้น สิ่งสำคัญที่สุดของ ชุมชนก็คือการมีส่วนร่วม อันหมายรวมถึง ร่วมในทุกๆสิ่ง ทุกอย่างเพื่อส่วนรวม - มีส่วนร่วม มีได้อย่างไร การสื่อสารพูดคุย เป็นการสื่อความคิดเห็น การถกปัญหา รวมถึงการหาทาง แก้ไขปัญหาต่างๆจากการระดมความคิดจากประสบการณ์ของนักวิจัยท้องถิ่นพบว่าชุมชนจัดให้มีเวทีพูดคุย ร่วมกันคิดวางแผนดำเนินการ ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องในการทำงานร่วมกัน สร้าง กฎระเบียบของชุมชนทางด้านต่างๆเพื่อให้คนในชุมชนรวมถึงผู้มาเยือนปฏิบัติตาม 1. ผลกระทบด้านบวก ส่งผลให้ชุมชนมีจิตสำนึกเกิดการพัฒนาตนเอง พึ่งพาตนเอง คิดเป็น ทำเป็น 1) ด้านเศรษฐกิจ 2) ด้านสังคมวัฒนธรรม 3) สิ่งแวดล้อม และสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่จะนำไปสู่ความยั่งยืนคือการรวบรวมองค์ความรู้ ภูมิ ปัญญา สืบสานสืบทอด ตลอดจนการนำไปใช้ประโยชน์ได้ เกิดความรักความภาคภูมิในความรู้สึกเป็นเจ้าของ มีส่วนร่วมในทรัพยากรของชุมชน และเกิดกระบวนการเรียนรู้การทำงานร่วมกันในที่สุด 2. ผลกระทบด้านลบ เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม อาทิ จำนวนขยะที่เพิ่มมากขึ้นจากนักท่องเที่ยว การ ใช้น้ำ ระบบนิเวศธรรมชาติ การรับวัฒนธรรมที่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เกิดกระแสการเลียนแบบ มีความขัดแย้ง ทางความคิด เสียความเป็นส่วนตัวในการที่จะต้องรองรับนักท่องเที่ยว และที่สำคัญคืออาจถึงกับสูญเสีย เอกลักษณ์ของท้องถิ่น หากมีการตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวมากเกินไป หลักการทำงานการท่องเที่ยวโดยชุมชน 1. การท่องเที่ยวโดยชุมชนต้องมาจากความต้องการของชุมชนอย่างแท้จริง ชุมชนได้มีการพินิจ พิเคราะห์สภาพปัญหา ผลกระทบการท่องเที่ยวอย่างรอบด้านแล้ว ชุมชนร่วมตัดสินใจลงมติที่ จะดำเนินการ ตามแนวทางที่ชุมชนเห็นสมควร 2. สมาชิกในชุมชนต้องมีส่วนร่วมทั้งการคิดร่วม วางแผนร่วม ทำกิจกรรมร่วม ติดตามประเมินผล ร่วมกัน เรียนรู้ร่วมกันและรับประโยชน์ร่วมกัน 3. ชุมชนต้องการรวมตัวกันเป็นกลุ่ม เป็นชมรม เป็นองค์กร หรือจะเป็นองค์กรชุมชนเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่นกัน องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ก็ได้ เพื่อกลไกที่ทำหน้าที่แทนสมาชิกทั้ งหมดในระดับหนึ่ง และ ดำเนินการด้านการกำหนดทิศทาง นโยบายการบริหาร การจัดการ การประสานงาน เพื่อให้การท่องเที่ยวโดย ชุมชนเป็นไปตามเจตนารมณ์ของสมาชิกในชุมชนที่เห็นร่วมกัน 4. รูปแบบ เนื้อหา กิจกรรม ของการท่องเที่ยวโดยชุมชน ต้องคำนึงการอยู่ร่วมกันอย่างมีศักดิ์ศรี มี ความเท่าเทียมกัน มีความเป็นธรรม และให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ การเมือง สังคม และ วัฒนธรรมในเชิงสร้างสรรค์และลดผลกระทบในเชิงลบ 5. มีกฎ กติกาที่เห็นร่วมจากชุมชน สำหรับการจัดการท่องเที่ยวที่ชัดเจน และสามารถกำกับดูแลให้ เป็นไปตามกติกาที่วางไว้ 6. ชุมชนที่จัดการท่องเที่ยว สมาชิกในชุมชน ชาวบ้านทั่วไปและนักท่องเที่ยว ควรมีกระบวนการ เรียนรู้ระหว่างกันและกันอย่างต่อเนื่อง เพื่อก่อให้เกิดการพัฒนากระบวนการทำงานการท่องเที่ยวโด...
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. โชติรส โชคสวัสดิ์ (2549) ได้ทําการศึกษาเรื่อง มาตรการคุ้มครองผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจาก การค้ามนุษย์ตามพิธีสารเพิ่มเติมว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและลงโทษการค้ามนุษย์โดยเฉพาะ ผู้หญิงและเด็ก : ผลกระทบต่อการที่ประเทศสมาชิกอาเซียนเข้าเป็นภาคี ผลการวิจัยพบว่า มาตรการ ให้ความคุ้มครองผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ของประเทศสมาชิกอาเซียนทั้งสิบประเทศ มีมาตรการให้ความคุ้มครองผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์อยู่เช่นกัน และสามารถนํามาใช้ให้เกิด ประโยชน์ต่อผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการค้ามนุษย์ได้ แต่มาตรการเหล่านี้ก็ยังไม่เพียงพอ ซึ่งหากประเทศ สมาชิกอาเซียนได้เข้าเป็นภาคีของพิธีสารเพิ่มเติมว่าด้วยการป้องกันปราบปรามและลงโทษการค้า มนุษย์โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็กแล้ว ประเทศสมาชิกอาเซียนเหล่านี้ยังจะต้องเสริมและหรือสร้าง มาตรการให้ความคุ้มครองทั้งในด้านกฎหมายและด้านอื่นๆ เพิ่มขึ้น รุ่งนภา เทพภาค (2550) ได้ทําการศึกษาเรื่อง ปัญหาการค้ามนุษย์ในสังคมไทย : สถานภาพองค์ความรู้ ผลการศึกษาพบว่า เงื่อนไข ปัจจัยที่ส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดกระบวนการค้า มนุษย์ ประกอบด้วย (1) เงื่อนไขปัจจัยทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ปัญหาความยากจนทั้งในระดับประเทศ และความเหลื่อมล้ําทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (2) เงื่อนไขปัจจัยทางการเมือง ได้แก่ ปัญหา การเมืองภายในของประเทศต่างๆ และนโยบายทางการเมืองบางนโยบายเป็นเงื่อนไขที่ส่งเสริม สนับสนุนให้เกิดกระบวนการค้ามนุษย์ขึ้น (3) เงื่อนไขปัจจัยทางวัฒนธรรม เช่น ค่านิยมในเรื่องความ กตัญญู ความไม่เท่าเทียมทางเพศที่สะท้อนผ่านการแบ่งงานกันทําระหว่างหญิงชาย (4) เงื่อนไขปัจจัย ทางด้านการคมนาคมและการสื่อสาร สาเหตุของการเข้าสู่การค้ามนุษย์ (1) การบังคับการค้าประเวณี ได้แก่ ความยากจน การขาดโอกาสทางการศึกษา ความอับอายในเรื่องเพศและชีวิตสมรสของผู้หญิง ในหมู่บ้าน การไม่สามารถปฏิบัติได้ตามหน้าที่ของสถาบันครอบครัว การเป็นชุมชนการค้าประเวณี (2) การบังคับใช้แรงงาน ได้แก่ ความยากจน ขาดโอกาสทางการศึกษา ต้องการรายได้เพื่อบริโภค สินค้าและบริการ มีประสบการณ์เลวร้ายในเมียนมาร์ รูปแบบของการเข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ (1) การบังคับค้าประเวณี กลุ่มเสี่ยง/เหยื่อการค้ามนุษย์ มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ กลุ่มหญิงและเด็กใน ประเทศไทย และกลุ่มหญิงและเด็กจากต่างประเทศ เส้นทาง มีทั้งเส้นทางภายในและเส้นทางการค้า มนุษย์ข้ามชาติ วิธีการเดินทาง มีทั้งเดินทางมาเอง เป็นกลุ่ม และผ่านระบบนายหน้า วิธีการล่อลวง/ ชักจูง/บีบบังคับให้เข้าสู่กระบวนการค้ามนุษย์ มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งตีสนิทแล้วโ น้มน้าวจูงใจ การหมั้นหมาย การลักพาตัว การใช้อุบายหลอก เครือข่ายนักค้ามนุษย์ ประกอบด้วย เอเย่นต์และ นายหน้าทั้งในประเทศต้นทาง และประเทศปลายทาง มีการทํางานเป็นกระบวนการ (2) การบังคับ แรงงาน กลุ่มเสี่ยง คือ กลุ่มเด็กไทยที่มาจากครอบครัวที่มีความยากจน และกลุ่มแรงงานข้ามชาติ เส้นทางหลัก คือ เส้นทางของการค้าแรงงานข้ามชาติ ซึ่งมีจุดเริ่มที่ประเทศเพื่อนบ้านในแถบอนุภูมิภาค ลุ่มน้ําโขง เข้าสู่ประเทศไทยในพื้นที่พรมแดนของจังหวัดต่างๆ การเดินทางใช้วิธีการที่ผสมผสานกัน ทั้งเดินเท้า และการใช้พาหนะหลากหลายประเภท นายหน้าที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการค้าแรงงาน มี 2 กลุ่มใหญ่ คือ (1) กลุ่มนายหน้าที่เป็นแรงงานข้ามชาติด้วยกันเอง และ (2) กลุ่มนายหน้าที่เป็นคนไทย ข้อเสนอแนะในการขับเคลื่อนงานป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ในสังคมไทย ได้แก่ (1) ข้อเสนอแนะ ต่อการสร้างและพัฒนากลไก/เครื่องมือ ในการแก้ไขปัญหา เช่น การบังคับใช้กฎหมาย การพัฒนา กฎหมายให้เป็นเครื่องมือในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ (2) ข้อเสนอ ในเชิงการพัฒ...
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. 2.6.1 งานวิจัยภายในประเทศ
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. 2.4.1 ศักยภาพด้านการทองเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของชุมชนผูไทบานโพน 2.4.2 เส้นทางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรม อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. ในการวิจัยเรื่อง “การสํารวจความพึงพอใจของผู้รับบริการที่มีต่อคุณภาพการให้บริการของ องค์การบริหารส่วนตําบลสงยาง อําเภอมหาชนะชัย จังหวัดยโสธร” คณะผู้วิจัยได้รวบรวมผลงานวิจัย ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องความพึงพอใจของประชาชน มีดังต่อไปนี้ สํานักบริการวิชาการ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (2561) ได้ทําการสํารวจความพึงพอใจของ ผู้รับบริการต่องานบริการขององค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2561 พบว่า ประสิทธิภาพของการบริการจากผลการประเมินโดยภาพรวมของงานบริการทั้ง 4 งานบริการ/ โครงการประชาชนมีความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 91.00 ความพึงพอใจของผู้รับบริการต่อการ ให้บริการต่อกระบวนการและขั้นตอนการให้บริการ ช่องทางการให้บริการ เจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ และ สิ่งอํานวยความสะดวก ผู้รับบริการงานบริการมีความพึงพอใจในภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 90.60 สามารถเรียงลําดับจากมากไปหาน้อย คือ พึงพอใจต่อเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการมากที่สุด รองลงมาพึง พอใจต่อสิ่งอํานวยความสะดวก ช่องทางการให้บริการ และกระบวนการและขั้นตอนการให้บริการ ตามลําดับ ความพึงพอใจของผู้รับบริการต่อคุณภาพของการบริการ ความคุ้มค่าของภารกิจและ ผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ มีความพึงพอใจโดยภาพรวม คิดเป็นร้อยละ 91.40 สามารถเรียงลําดับจากมาก ไปหาน้อย คือ พึงพอใจต่อผลสัมฤทธิ์ของภารกิจ ความคุ้มค่าของภารกิจ และคุณภาพของการบริการ ตามลําดับ ภักดี โพธิ์สิงห์และคณะ. (2560). ได้ศึกษาวิจัยเรื่อง การศึกษาความพึงพอใจของประชาชน ผู้รับบริการที่มีต่อการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตําบลศรีฐานอําเภอภูกระดึง จังหวัดเลย ผล การศึกษา พบว่า 1) ความพึงพอใจการศึกษาความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการ พบว่า โดย ภาพรวมอยู่ในระดับพอใจ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน อยู่ในระดับพอใจทุกด้าน ด้านที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุด คือ งานด้านป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รองลงมา คือ งานด้านไฟฟ้าสาธารณะและงานด้าน โยธา ส่วนด้าน ที่มีค่าเฉลี่ยต่ําสุด คือ งานด้านกฎหมาย และ 2) ประชาชนให้ข้อเสนอแนะดังนี้ 1) ด้านกระบวนการขั้นตอนการให้บริการ ควรจัดหาเจ้าหน้าที่ เพื่ออํานวยความสะดวกแก่ประชาชน ที่มาติดต่อราชการว่าปัญหาเรื่องนี้ ควรติดต่อที่ไหน อย่างไร กับใคร เวลาใด 2) ด้านช่องทางการ ให้บริการ ควรจัดให้มีเจ้าหน้าที่คอยให้บริการ 24 ชม.ไว้คอยรับฟังความคิดเห็นของผู้เข้ารับบริการ หรือปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนและสามารถแก้ปัญหาได้ทันท่วงที 3) ด้านเจ้าหน้าที่ผู้ให้บริการ ควร จัดเจ้าหน้าที่คอยแนะนําบริการเพิ่มเพราะเจ้าหน้าที่ให้บริการบางแผนกไม่เพียงพอ กับประชาชนผู้มา ใช้บริการ 4) ด้านสิ่งอํานวยความสะดวกควรเพิ่มเติม ปรับปรุงสภาพแวดล้อมให้น่าดู น่าอยู่ น่ามาใช้ บริการ และเทศบาลควรเพิ่มสถานที่พัก/นั่งรอ เมื่อไปติดต่องาน ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์. (2560). การศึกษาความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการที่มีต่อการ ให้บริการขององค์การบริหารส่วนตําบลบ่อซีน อําเภอปากชม จังหวัดเลย. ผลการวิจัยพบว่า 1) ความ (2) ประชาชนมีส่วนรับรู้ในข้อมูลพื้นฐานการศึกษาเด็กก่อนเกณท์ () มีนโยบายทางการศึกษาอย่างชัดเจน ตรวจสอบได้ () เจ้าหน้าที่สุภาพ แต่งกายเรียบร้อย มีข้อเสนอแนะดังนี้ คือ () ควรจัดหาเจ้าหน้าที่ที่มี ความรู้ความสามารถในการอธิบายงาน () ควรจัดเจ้าหน้าที่บริการ 24 ชม. 3) ควรจัดเจ้าหน้าที่คอย แนะนําบริการด้วยความเต็มใจเสมอเหมือนเป็นญาติพี่น้อง และ () ควรเพิ่มเติมเกี่ยวกับการขยายเขต พื้นที่การเกษตรให้ดีกว่าที่เป็นอยู่อย่างทั่วถีง จักรแก้ว นามเมือง และคณะ (2560) ได้ศึกษาเรื่อง การประเมินความพึงพอใจของ ผู้รับบริการ(Customer Satisfaction) ในมิติด้านคุณภาพการให้บริการงานบริการเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และ...
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. ในการวิจัยเรื่อง “การสํารวจความพึงพอใจของประชาชนที่มีต่อการให้บริการของเทศบาล ตําบลคําเขื่อนแก้ว อําเภอคําเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร” คณะผู้วิจัยได้รวบรวมผลงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับ เรื่องความพึงพอใจของประชาชน มีดังต่อไปนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนา มหาวิทยาลัยราซภัฏอุดรธานี. (2560). การประเมินความพึงพอใจ ของประชาซนที่มีต่อคุณภาพการให้บริการของเทศบาลเมืองหนองสําโรง อําเภอคําเขื่อนแก้วอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ผลการศึกษา พบว่า 1) ประซาซนมีความพึงพอใจต่อคุณภาพการให้บริการของ เทศบาลเมืองหนองสําโรง อําเภอคําเขื่อนแก้วอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ในภาพรวมมีความพึงพอใจใน ระดับมากที่สุด (X =4.86) ด้านเจ้าหน้าที่/บุคลากรผู้ให้บริการ มีความพึงพอใจสูงสุด (X =4.88) รองลงมา ได้แก่ ด้านสิ่งอํานวยความสะดวก (X =4.86) ด้านซ่องทางการให้บริการ และด้าน กระบวนการ/ขั้นตอนการให้บริการ (X =4.85) เมื่อพิจารณาตามเกณฑ์ประเมินความพึงพอใจใน ภาพรวม ผู้ตอบแบบสอบถามมีความพึงพอใจ คิดเป็นร้อยละ 97.20 2) ประซาซนมืความพึงพใจต่อ คุณภาพการให้บริการของเทศบาลเมืองหนองสําโรง อําเภอคําเขื่อนแก้วอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี งาน ทะเบียน มีความพิงพอใจในภาพรวมระดับมากที่สุด (x=4.83) คิดเป็นร้อยละ 96.60 งานโยธา การ ซออนุญาตปลูกสิ่งก่อสร้าง มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมากที่สุด (X =4.82) คิดเป็นร้อยละ 96.40 งานเทศกิจหรือปีองกันบรรเทาสาธารณภัย มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมากที่สุด ( X =4.89) คิดเป็นร้อยละ 97.80 งานรายได้หรือภาษี มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมากที่สุด (X =4.85) คิดเป็นร้อยละ 97.00 และงานสาธารณสุฃ มีความพึงพอใจในภาพรวมระดับมากที่สุด (X =4.92) คิดเป็นร้อยละ 98.40 ดุษฎีวัฒน์ แก้วอินทร์และคณะ. (2560). การศึกษาความพึงพอใจของประชาชนผู้รับบริการที่ มีต่อการให้บริการขององค์การบริหารส่วนตําบลบ่อซีน อําเภอปากชม จังหวัดเลย. ผลการวิจัยพบว่า (2) ประชาชนมีส่วนรับรู้ในข้อมูลพื้นฐานการศึกษาเด็กก่อนเกณท์ (3) มีนโยบายทางการศึกษาอย่าง
งานวิจัยที่เกี่ยวข้อง. อรอุมา ชูเมือง (2561) ได้ศึกษาผลกระทบต่ออัตราส่วนทางการเงินของร่างมาตรฐานการ รายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่องสัญญาเช่า ด้านผู้เช่า กรณีศึกษาบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในกลุ่ม SET100 พบว่าอัตราส่วนทางการเงิน ด้านผู้เช่า ก่อนและ หลังจากการ ปฏิบัติตามร่างมาตรฐานการรายงานทางการเงิน ฉบับที่ 16 เรื่อง สัญญาเช่า พบว่าเมื่อ กิจการมีการบันทึกสัญญาเช่า ดำเนินงานไว้ในงบการเงิน อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญเปลี่ยนแปลง ไปอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลทางลบกับกิจการเป็นส่วนใหญ่ คือ อัตราส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบแสดงฐานะการเงิน ซึ่งจะทำให้อัตราส่วนทางการเงินที่ใช้วัดความเสี่ยง รวม (Debt to capital ratio) เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหากมีสัญญาเช่าดำเนินงานมาก อัตราส่วนทุน หมุนเวียน (Current ratio) และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (Return on assets: ROA) จะลดลง เนื่องจากมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น อัตราส่วนทางการเงินอื่นๆ เช่น อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (Return on equity: ROE) อัตราการ หมุนของสินทรัพย์ (Asset turnover) และอัตราส่วนความสามารถในการ จ่ายดอกเบี้ย (Interest coverage ratio) ก็ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ สมฤทัย ต่อรุ่งเรืองกิจ (2550) ได้ศึกษาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสัญญาเช่าดำเนินงาน เป็นสัญญาเช่าการเงิน ที่มีต่ออัตราส่วนทางการเงิน โดยศึกษาข้อมูลจากบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2548 พบว่าการเปลี่ยนแปลงวิธีบันทึกบัญชีแบบสัญญาเช่า ดำเนินงานเป็นสัญญาเช่าการเงินจะมีผลกระทบต่ออัตรากำไรจากการดำเนินงาน และอัตรา ผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้น เนื่องจากสัญญาเช่าการเงินไม่ต้องบันทึกค่าเช่าในงบกำไร ขาดทุนแล้ว ทำให้กำไรสูงขึ้น โดยไม่ว่าจะเป็นช่วงแรกของสัญญาหรือช่วงปีหลังของสัญญา แต่ทำให้ อัตราส่วนผลตอบแทนส่วนของผู้ถือหุ้นลดลง อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม อัตราหมุนเวียน ของสินทรัพย์รวม และอัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยลดลง เนื่องจากหลังจากมีการ ปรับปรุงทำให้แสดงถึงบริษัทต้องบันทึกสินทรัพย์และหนี้สินในงบแสดงฐานะการเงิน จึงทำให้ อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นสูงขึ้นเหมือนกัน